สร้างบ้านพักเขาใหญ่ให้มีลูกค้าควรจะออกมาในแนวไหน

สวัสดีผู้ที่กำลังคิดจะทำบ้านพักเขาใหญ่ทุกท่านครับ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่าปัจจุบันนี้ธุริกจบ้านพักเขาใหญ่เกิดขึ้นมากอย่างมากมายเป็นอันมากด้วยว่าเป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ดีและมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการกันตลอดทั้งปีดังนั้นการที่เราจะสร้างบ้านพักเขาใหญ่เพื่อมาแข่งขันทำผู้ที่ทำธุรกิจเดิมอยู่นั้นถ้าหากว่าไม่มีอะไรที่เป็นจุดเด่นแล้วล่ะก็ย่อมต้องไม่สามารถสู้กับคนอื่นได้อย่างแน่นอนดังนั้นในบทความตอนนี้ผมเองจะมาพูดถึงวิธีการตกแต่งบ้านพักเขาใหญ่ของเราให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวครับ 

เนื่องจากว่าสถานที่เขาใหญ่นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวป่าเขาดังนั้นที่พักที่อยู่ในบริวเณนี้จึงควรมีลักษะที่โปร่งโล่งสบาย มีหน้าต่างเปิดกว้างเพื่อที่นักท่องเที่ยวสามารถมองจากที่พักออกมาและได้เห็นบรรยากาศภายนอก นอกจากนี้ลักษณะการตกแต่งที่พักควรให้สอดคล้องกับสภาพบรรยากาศโดยควรตกแต่งให้มีปูนน้อยที่สุดหรือว่าอาจจะมีการประดับตกแต่งด้วยท่อนไม้ ขอนไม้เพื่อให้กลอมกลืนกับธรรมชาติและให้นักท่องเที่ยวได้มีความรู้สึกว่าตนเองได้อยู่ในบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติและป่าเขาลำเนาไพรที่แท้จริงและที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของ facilities หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่นอน เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น WIFI หรืออย่างอื่นที่จำเป็นต่อการพักผ่อนของนักท่องเที่ยวเราเองจำเป็นที่จะต้องมีให้พร้อมและมีให้มากที่สุดซึ่งถ้าหากว่าเรามีมากกว่าเจ้าอื่นๆ แล้วล่ะก็เชื่อเหลือเกินครับว่านักท่องเที่ยวย่อมต้องมาใช้บริการที่พักของเราอย่างแน่นอนครับ 

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิว ถึงประเทศที่ไม่ใกล้ไม่ไกล จากบ้านเรามากนัก นั่นคือ ประเทศสิงคโปร์ นั่นเองค่ะ สิงคโปร์เป็นประเทศที่คนไทยชอบไปค่ะ เนื่องจากประเทศสิงคโปร์สามารถเดินทางในระยะสั้น 2 -3 วันได้และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง วันนี้เราออกเดินทาง ใช้เวลาการเดินทางเพียง 2 วันเท่านั้นค่ะ

วันแรกออกเดินทาง บินไปถึงก็ช่วง 11 โมง ของเวลาที่สิงคโปร์ ซึ่งเวลาสิงคโปร์จะเร็วกว่าบ้าน เรา 1 ชั่วโมง ผ่าน พิธีการตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ ออกมาก็ประมาณ ใกล้ๆเที่ยง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเววลา เราจึงเริ่มออกเดินทางกันเลย พวกเราเลือกที่จะเดินทางโดยรถไฟฟ้า ซึ่งเส้นทางรถไฟฟ้าของทางสิงคโปร์จะครอบคลุม สถานที่สำคัญๆไว้ทั้งหมด การเดินทางโดยรถไฟฟ้าจึงไม่ยากเกินไปสำหรับพวกเรา เมื่อออกเดินทาง เราได้เห็นผู้คนของที่นี่ ผู้คนที่ดูแตกต่างกันมากแต่สามารถอยู่ในประเทศนี้ด้วยกันได้อย่างลงตัว นั่นก็คือคนเชื้อสายจีนและเชื้อสายแขก ซึ่งจะไม่เหมือนทางประเทศมาเลเซีย ที่จะอยู่แยกโซนกันไปเลย เพราะฉะนั้นอาหารตามข้างทางที่เราเห็นจะมีทั้งอาหารจีนและอาหารแขก ให้เราได้เลือกทาน นอกจากนั้น อาหารไทยที่นึ่ก็มีเยอะมากเลยทีเดียว เนื่องจากมีคนไทยเดินทางมีท่องเที่ยวประเทศสิงคโปร์ตลอด และมีคนไทยที่มาทำงาน ณ ประเทศสิงคโปร์จำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่รสชาติแน่นอน สู้เจ้าต้นตำรับจากไทยไม่ได้แน่นอน

สาธยายนอกเรื่องมาเยอะเลยทีเดียว วันนี้ในการเดินทางวันแรก เราเลือกที่จะเดินทางที่พักของเราก่อน เนื่องจากจะได้นำกระเป๋าที่เอามาด้วยไปเก็บก่อน หลังจากเช็คอิน เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว สถานีต่อไปคือการ์เด้น บาย เดอะเบย์ ซึ่งเป็นสวนดอกไม้นานาชนิดทั่วโลก เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของประเทศสิงคโปร์ ที่นี่เป็นสนหย่อมสวนดอกไม้ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก มีต้นไม้จำลองสูงเท่าตึก 9 ชั้นหลายต้น มีทางเดินเชื่อมต่อถึงกัน

จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อคือ สถานีออชาร์ต เป็นห้างใหญ่เหมือนบ้านเราเลยค่ะ แต่ที่เลือกมาที่นี่เพราะ แบรนด์กระเป๋า ที่ชื่อ ว่า Charl & Keith เพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิต ราคาจึงถูกกว่าเมืองไทยถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ช้อปปิ้งกันจนเพลิน แล้วก็เดินทางต่อไปย่านแสงสี Wonder Full – Light & Water Spectacular เป็นโชว์ที่จัดแสดงบริเวณตึก Marina Bay Sands ดูไฟจนเพลิน ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับที่พักของเรา ส่วนในวันพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปท่องเที่ยวสิงคโปร์ ที่ไหนกันต่อ รอติดตามกันต่อนะค้ะ

สถานที่อีกแห่งหนึ่งบนเกาะนามิที่เป็นส่วนสำคัญหรือเป็นฉากสำคัญในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเพลงรักในสายลมหนาว คือ สะพานแห่งจูบแรก ซึ่งทางทัวร์เกาหลีจะมีการแนะนำให้ลูกทัวร์เกาหลี ได้ไปถ่ายรูปที่สะพานแห่งนี้ หากไปกับคู่รักนับได้ว่าสะพานแห่งจูบแรก เป็นฉากประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งคู่รักที่ไปทัวร์เกาหลีเลยก็ว่าได้

สะพานแห่งจูบแรกนี้เป็นสะพานไม้ที่ประดับด้วยกระจกและขวดแก้ว เป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำฉากจูบแรกของพระเอกและนางเอกจากภาพยนตร์เรื่องเพลงรักในสายลมหนาว หากไปช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทางลูกทัวร์เกาหลีจะได้ฉากบรรยากาศที่ด้านหลังเป็นสีเขียวของต้นไม้ ไปช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ลูกทัวร์เกาหลีก็จะได้พบกับบรรยากาศที่พื้นหลังเป็นสีแสดง ส้ม เหลือง ของเหล่าใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี นับได้ว่าหาดูยาก แต่ที่นิยมไปกันมากคือช่วงหิมะ เพราะหนึ่งปีมีครั้งหนึ่งเท่านั้น พื้นด้านล่างของสะพานแห่งจูบแรก น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งและลูกทัวร์เกาหลีก็จะได้ภาพบรรยากาศที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ความหนาวเย็น และภาพความรักของลูกทัวร์เกาหลีที่ไปในครั้งนี้ด้วย

ถ้าหากนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลี มีการวางแผนที่จะเดินทางไปทัวร์เกาหลีช่วงเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน บนเกาะนามิมีอีกมุมหนึ่งที่จะทำให้นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีประทับใจเป็นอย่างมากนั่นคือ ถนนสายเมเปิ้ล เพราะบนถนนสายเมเปิ้ลนี้จะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรไปชมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือที่ลูกทัวร์เกาหลีชาวไทยรู้จักกันดีว่าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ในช่วงเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน ใบเมเปิ้ลบนถนนสายเมเปิ้ลบนเกาะนามิ จะเปลี่ยนสีเป็นสีส้มและสีแดง สีสันจะสดใส ฉูดฉาด ช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีให้ลูกทัวร์เกาหลีรู้สึกอบอุ่นและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

มีหลายคนอยากรู้ครับว่าที่พักมหาสารคามนั้นเป็นที่พักเกรดต่ำอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานจริงหรือไม่เพราะเนื่องจากว่าไม่ว่าจะดูจากการรีวิวสถานที่พักในเว็บไซต์ไหนก็ตามมักไม่ค่อยพูดถึงที่พักมหาสารคามกันเลยแต่อย่างไรก็ตามการที่เขาไม่พูดถึงนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าที่พักมหาสารคามจะไม่ดีหรือห่วยแตกนะครับเพียงแต่ว่าอาจจะยังไม่มีโอกาสให้ได้พูดถึงก็เท่านั้นเอง

ผมเองในฐานะมัคคุเทศก์ที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทยมากกว่า 10 ปี เคยไปเยือนจังหวัดมหาสารคามมาไม่น้อยกว่า 20-30 ครั้งจึงกล้าบอกได้เลยครับว่าที่พักของจังหวัดนี้ไม่ได้ขี้ริ้ว ขี้เหร่เหมือนกับที่มีเสียงลือ เสียงเล่าอ้างกัน เพราะที่นี่เขาก็มีทีพักระดับได้มาตรฐานของโรงแรมทั่วไปกันอยู่ครับถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีดีเลิศหรูมากมายอะไรแต่มันก็ไม่ได้สกปรกและแย่อย่างที่เราคิดและจินตนาการกัน
ถ้าใครจะหาที่พักมหาสารคามล่ะก็ผมแนะนำว่าให้เป็นโรงแรมจะดีที่สุดครับเพราะที่พักที่นั่นโดยมากจะเป็นพวกบังกะโลหรือห้องเช่ารายวันซึ่งหากเป็นห้องพักแบบที่ว่านี้อย่าไปคาดหวังเรื่องมาตรฐานสักเท่าไหร่ครับเพราะเนื่องจากว่าโดยมากมักจะเป็นเจ้าของบ้านเปิดบ้านหรือที่พักของตนเองแบ่งให้เช่าดังนั้นบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พึงมีจึงอาจจะไม่ครบครันสักเท่าไหร่แต่ถ้าหากใครคิดว่าเป็นการพักแค่คืนเดียวพอตื่นเช้ามาก็ออกเดินทางไปยังที่อื่นต่อแล้วล่ะก็สามารถเลือกพักแบบนี้ได้ครับเพราะราคามันจะถูกกว่ามาก

ทัวร์ยุโรปราคาถูกแวะมาแนะนำเมืองน่าเที่ยวในประเทศเยอรมนี เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยเผื่อใครสนใจอยากไปเที่ยวยุโรปในช่วงนี้

เมืองมิวนิค    –    เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย มีประชากรประมาณ 1.3 ล้านคน เป็นเมืองที่มีหอศิลปะสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ที่มี ชื่อเสียงหลายแห่ง งานมหกรรมใหญ่ประจำปีทั่วโลกรู้จักคือ Oktoberfest เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น BMW และซีเมนส์ บริษัทที่ผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง และสถาบัน วิจัยอีกหลายแห่ง มีมหาวิทยาลัย 3 แห่ง และสถาบันการศึกษาระดับ สูงอีก 8 แห่ง    สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ

•    ปราสาทนอยชวานชไตน์
เดินทางลัดเลาะไปตามเส้นทางไหล่เขาสู่ สะพานควีนแมรี่ ซึ่งเป็นจุด ชมวิวปราสาทที่ดีที่สุดชมความสวยงามของป่าไม้ และบ้านพักสไตล ์ชาเล่ย์ ที่ประดับประดาไป ด้วยดอกไม้หลากหลายสี ชมทิวทัศน์อันงดงามของตัว ปราสาทท ที่โดดเด่น มีทะเลสาบและธาร น้ำล้อมรอบ ภายในตัวปราสาทที่ตกแต่งไว้อย่างอลังการ ปราสาทนี้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18–19รัชสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 2ตามจินตนาการ ของคีตกวีชาวเยอรมนี ริชาร์ดวากเนอร์ พระสหายคู่ พระทัย ชม ห้องทรงงาน, ห้องบรรทม,ห้องฮอลล์ที่ใช้ในการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ต รับฟัง เรื่องราวอันน่าสลดใจ ของผู้ที่ สร้างปราสาทแห่งนี้

•    จตุรัสมาเรียนพลัทซ์ (Marienplatz)  หรือ Mary’s Square (จตุรัสมาเรีย หรือ จตุรัสแมรี่)
อยู่กลางใจเมืองของนครมิวนิค ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1158 (850 ปีมาแล้ว)ตั้งแต่ยุโรปสมัยกลาง (Middle Ages) เป็น ” หัวใจ ” ของเขตเมืองเก่า และเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มชมเมือง ในยุคกลางที่นี่เคยเป็นตลาด แต่ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการจัดงานสำคัญทางวัฒนธรรมต่างๆ มาเรียนพลาตซ์ มีสิ่งที่น่าชมมากมาย อาทิ Mariensaule รูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเขาสูงศาลาว่าการเมืองใหม่ ( Neuse Rathaus ) ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ Glockenspiel หอระฆัง ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ เวลา 11 โมงเช้าในหน้าหนาว และ 5 โมงเย็นในหน้าร้อน รถไฟฟ้าใต้ดินสาย U3/U6 และรถไฟ S-Bahn ลงที่สถานีมาเรียนพลาตซ์

•       เรสซิเดนซ์ (Residentz)
พระราชวังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ มิวนิค ที่ซึ่งเป็นที่ประทับและศูนย์กลางอำนาจของกษัตริย์บาวาเรียนมานาน ปัจจุบันห้องมีจำนวน 130 ห้อง ภายในพระราชวังเป็นสถานที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่ามากมายทั้งเฟอร์นิเจอร์ ภาพเขียน เครื่องเคลือบ และเครื่องเงิน ไฮไลท์ที่ควรเยี่ยมชมคือ Antiquariumห้องโถงสไตล์เรอเนสซองส์ที่สวยงาม( Residentz ) ตั้งอยู่ที่ Residentzstrasse 1 ในย่านใจกลางเมือง เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ ในเมืองเมษายน-ตุลาคม เวลา 9.00-18.00 น. เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เปิดเวลา 10.00-16.00 น. ค่าเข้าชม 5 ยูโรเด็กไม่เสียเงิน โทร. +49 (0)89-2906-71

•     โอลิมปิกปาร์ก (Olympic Park)
ศูนย์กีฬาขนาดใหญ่สำหรับการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ที่มิวนิคเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 1972 ปัจจุบันนี้โอลิมปิกปาร์กเปรียบเหมือนส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเมือง ที่นี่เป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสมัยใหม่ที่สำคัญ 2 อย่างของมิวนิค คือ หอโทรคมนาคม สูง 290เมตร และสเตเดียมทันสมัยสร้างแบบหลังคาเต็นท์ด้วยแท่งสลิงเหล็กยึดแขวนแผ่นอะครีลิกโปร่งแสงที่คลุม เป็นหลังคาเหมือนใยแมงมุม ถ้าไม่กลัวความสูง สามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวชั้นบนสุดได้ (เสียค่าขึ้น 3 ยูโร) ภายในโอลิมปาร์กแห่งนี้ยังมีสระว่ายน้ำ และที่เล่นสเก็ตสำหรับผู้รักการออกกำลังกายทั้งหลาย โอลิมปาร์ก ตั้งอยู่ที่ Spiridon Louis-Ring 21 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-23.30 น. โทร. +49 (0) 89-3067-2414 รถไฟใต้ดินสาย U3 ลงสถานี Olympiazentrum

•       พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรียน (The Bavarian National Museum)
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและศิลปะ โดยพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2 จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์นี้คือ คอลเลกชั่นงานศิลป์ชั้นยอด ตั้งแต่ยุคกลางเรื่อยมาจนถึงอาร์ตนูโว จัดแสดงเต็มพื้นที่ทั้ง 3 ชั้น ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาวัฒนธรรมและศิลปะยุโรปในยุคต่าง ๆ ผ่านทางภาพเขียน เฟอร์นิเจอร์ งานหัตถกรรม เครื่องดนตรี และอาวุธในสมัยโบราณพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรียนตั้งอยู่ที่ Prinzregentenstenstrasse 3 เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. วันพฤหัสบดีเปิดเวลา 10.00-20.00 น. โทร +49 (0) 89-2112-401

•       ตลาดวิคทัวเลียน (Viktualienmarkt)
ถูกค้นพบในปี 1807 เป็นตลาดผักและผลไม้สดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ที่ที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาซื้อและหาของกิน ตั้งแต่ผักสด ๆ จากฟาร์มไปจนถึงผลไม้นำเข้า รวมถึงแผงลอยที่ขายอาหารทานเล่น เช่น ชีส ฮอตด็อก หรือไส้กรอกอีกนับไม่ถ้วนViktualienmarket เปิดวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 7.00-20.00 น. วันเสาร์ 7.00-16.00 น. ปิดวันอาทิตย์ รถไฟฟ้าใต้ดินสาย U-Bahn และรถไฟ S-Bahn ลงที่สถานีมาเรียนพลาตซ์

•       พิพิธภัณฑ์นอย พิกาโกเทค (Neue Pinakothek)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะพินาโกเทคยุคใหม่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอัลเท่อ พินาโกเทค (The Alter Pinakothek ) จัดแสดงภาพวาดและงานปติมากรรมยุโรปตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ถึงศตวรรษที่ 20 ที่มีจุดเด่นอยู่ที่งานศิลปะเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 19 คอลเลกชั่นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งยวด นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่เก็บรวบรวมคอลเลกชั่นดี ๆ ของงานศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์จากประเทศอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส ในสมัยศตวรรษที่ 19อีกด้วยNeue Pinakothek ตั้งอยู่ที่ Barer Stasse 29 โทร. +19 (0) 89-2380-5195 เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ปิดวันอังคาร ค่าเข้าชม 5 ยูโร วันอาทิตย์เข้าฟรี รถไฟฟ้าใต้ดินสาย U2/U8 ลงที่ Theresienstasse รถรางสาย 27 ลงสถานี Pinakothek รถเมล์สาย 53 ลงป้าย Schellingstrasse